The Art of Key Account Selling (9): คำถามกับความสำเร็จ ตอนที่ 2
ขอเริ่มต้นซีรีส์ของคำถาม SPIN ด้วยคำถามประเภทแรก Situation Question อย่างที่ได้กล่าวถึงในตอนที่แล้วว่า Situation Question เป็นคำถามเพื่อหาข้อเท็จจริง (Fact) หรือข้อมูลพื้นฐาน (Background) ของสถานการณ์ปัจจุบันของลูกค้า สมมติว่าคุณขายเครื่องมือเจาะกระดูก คุณย่อมอยากรู้เกี่ยวกับเครื่องมือเจาะกระดูกที่ลูกค้าใช้อยู่ในปัจจุบัน ตัวอย่างของคำถามประเภทนี้อาจเป็น “เครื่องมือเจาะกระดูกที่ใช้อยู่เป็นประเภทใดครับ?” “เป็นของบริษัทใด?” "แล้วเครื่องมือนี้มีข้อดีตรงไหนครับ?" หรือ “ใครเป็นผู้กำหนดสเปคของเครื่องมือประเภทนี้?” เป็นต้น จะเห็นว่า Situation Question ช่วยให้คุณทราบถึงข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต่อการกำหนดกลยุทธ์การขายของคุณนั่นเอง
แม้ว่า Situation Question จะมีประโยชน์ในการหาข้อมูลของสถานการณ์ปัจจุบันของลูกค้าเพื่อช่วยให้คุณสามารถกำหนดกลยุทธ์การขายที่เหมาะสมก็ตาม แต่ถามมากไม่ดีครับ คุณลองย้อนกลับไปดูที่ตัวอย่างของคำถามข้างต้นอีกครั้งแล้วลองถามตัวเองดูซิครับว่า “ใครได้ประโยชน์จากคำถามเหล่านี้มากกว่ากันระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ?” แน่นอนครับ ย่อมเป็นผู้ขายที่ได้ประโยชน์มากกว่า ในขณะที่ลูกค้าอาจจะไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ เลยจากการให้ข้อมูลเหล่านั้นเลย และถ้าลูกค้าถูกรุกเร้าด้วยคำถามแบบนี้มากขึ้นเท่าใด ลูกค้าจะยิ่งเกิดความรู้สึกรำคาญหรือหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น
กฏของการถาม Situation Question หรือการป้องกันไม่ให้คุณถามคำถามประเภทนี้มากเกินไปมีดังนี้ครับ
- ทำการบ้าน คุณอาจจะต้องหาข้อมูลล่วงหน้าจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ จากการถามบรรดาคนรอบข้างของลูกค้า หรือจากการสังเกตข้อมูลรอบตัวของลูกค้า เป็นต้น คุณจะพบข้อมูลพื้นฐานบางอย่าง ตัดคำถามเหล่านี้ออกไปเพื่อที่คุณจะไม่ต้องถามโดยตรงจากลูกค้า เช่น ข้อมูลราคาคู่แข่ง คุณอาจจะหาได้จากฝ่ายจัดซื้อ เป็นต้น เมื่อคุณทราบข้อมูลราคาแล้วคุณก็ไม่จำเป็นต้องถามข้อมูลนี้กับลูกค้าเพื่อก่อให้เกิดความรำคาญอีก ผมเคยเห็นผู้แทนขายยาบางคนที่ถูกแพทย์บ่นว่ายาของพวกเขามีราคาสูง พวกเขามักจะถามคำถามกับแพทย์ท่านนั้นต่อว่า “แล้วยาที่อาจารย์ใช้อยู่ราคาเท่าใดคะ?” ซึ่งก็มีแพทย์หลายท่านที่ตอบกลับไปว่า “ไม่ทราบ ผมไม่ได้มีหน้าที่ต้องจำราคายาทุกตัว”
- ใช้กับบุคคลในขอบเขตของผู้ยินดีให้ข้อมูล (Area of receptivity) คุณควรถาม Situation Question กับบุคคลในขอบเขตของผู้ยินดีให้ข้อมูลเสียให้เรียบร้อยเพื่อที่จะไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูลทั่ว ๆ ไปกับบุคคลในขอบเขตของผู้มีปัญหา (Area of dissatisfaction) หรือขอบเขตของผู้มีอำนาจตัดสินใจ (Area of power) เพราะผู้ยินดีให้ข้อมูลมักจะทนต่อคำถามประเภทนี้ได้ดีนั่นเอง
- กระจายคำถามของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องถามข้อมูลทุกอย่างภายในการพบลูกค้าเพียงครั้งเดียว วิธีที่ดีก็คือ กระจายคำถามของคุณในการพบลูกค้าหลาย ๆ ครั้ง เพื่อทำให้การพบลูกค้าในแต่ละครั้งเป็นโอกาสที่ลูกค้ายินดีที่จะให้ข้อมูลมากขึ้นเนื่องจากลูกค้ารู้จักคุณมากขึ้น หลีกเลี่ยงการกอบโกยข้อมูลจากลูกค้าโดยใช้เวลาของลูกค้าที่ยาวนานเกินไปจากการพบครั้งเดียว
- สร้างโอกาสในการถาม Situation Question โดยปกติแล้วลูกค้าจะยินดีให้ข้อมูลเมื่อคุณสามารถทำให้ลูกค้าเข้าใจได้ว่า ข้อมูลดังกล่าวที่คุณได้จะช่วยให้ลูกค้าแก้ปัญหาของพวกเขาได้อย่างไร ดังนั้น คุณต้องทำให้ลูกค้าตระหนักว่าคำถามของคุณล้วนแต่มุ่งเน้นไปที่ปัญหาของลูกค้าและคุณเองก็ต้องการจะช่วยลูกค้าแก้ปัญหาด้วย
ในตอนหน้าคุณจะได้รู้จักกลุ่มคำถามประเภทที่สอง Problem Question ว่าคืออะไรและมีประโยชน์อย่างไรในการขายลูกค้าสำคัญของคุณ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น