Coaching (22): การสร้างบรรยกาศการสอนงาน ตอนที่ 9
ผมได้กล่าวถึง วิธีการปรับตัวเราให้ทำงานร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นไปที่การปรับปรุงจุดอ่อนของตัวเองไปแล้วในตอนที่แล้ว ในตอนนี้ผมขอเจาะลึกลงไปให้ชัดเจนขึ้นถึงการทำงานร่วมกับคนทั้งสี่ประเภท ซึ่งเราเรียกการปรับตัวเช่นนี้ว่า Versatility ซึ่งเป็นหัวใจของการทำงานร่วมกับคนอื่นครับ
แม้ว่าเราจะมีสไตล์เฉพาะตัวของใครของมัน ถ้าจะให้แต่ละคนเปลี่ยนสไตล์ตัวเองเพื่อทำงานร่วมกับคนอื่น รับรองว่า เราจะทำได้เพียงประเดี๋ยวประด๋าว แล้วจะกลับเข้าสู่โหมดปกติของเรา แต่สิ่งที่ผมกำลังจะเล่าให้พวกเราฟัง คือ การปรับไม่ใช่การเปลี่ยน ถึงแม้เราเปลี่ยนตัวเราไม่ได้ แต่เราสามารถปรับตัวเราได้ครับ โดยการประยุกต์ใช้หลักการหนึ่งหรือสองอย่างรวมกันดังต่อไปนี้
1. เน้นงานมากขึ้น (More TASK-directed)
2. เน้นคนมากขึ้น (More PEOPLE-directed)
3. เพ่ิมพฤติกรรม ASK (More ASK-directed)
4. เพ่ิมพฤติกรรม TELL (More TELL-directed)
โดยผมจะขอไล่เรียงวิธีการปรับตัวกับคนสี่ประเภททีละคู่ [สำหรับคนที่อยากจะทบทวนหลักพื้นฐานของ Social Styles อีกครั้งหนึ่ง สามารถกลับไปอ่านได้ใน Coaching (15)]
คุณต้องเน้นงานมากขึ้น (TASK) กับเมื่อทำงานกับ Analytical และ Driver โดยการเตรียมตัวให้พร้อม การอ้างอิงสิ่งใดก็ให้เน้นบนข้อเท็จจริง ใช้เวลาของพวกเขาอย่างมีประสิทธิภาพ (ไม่เยิ่นเย่อ ตรงประเด็น) ใช้การตั้งคำถามแทนการบอกออกไปตรง ๆ ยกตัวอย่างเช่น แทนที่คุณจะพูดให้อีกฝ่ายมั่นใจว่า “ทางเลือก ก ดีที่สุด” คู่สนทนาของคุณอาจย้อนถามกลับหาหลักการและเหตุผลหรือข้อมูลสนับสนุน แล้วคุณก็ต้องสาละวนกับการให้ข้อมูลดังกล่าว ให้คุณใช้วิธีการถาม “ทางเลือก X ในความคิดเห็นของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?” หรือ “เราจะลองทางเลือก X ดีไหมครับ?”
ถ้าหากคุณต้องมีปฏิสัมพันธ์กับ Amiable และ Analytical คุณต้องเพ่ิมพฤติกรรมแบบ “ASK” โดยการไม่เร่งรัดอีกฝ่าย คุณควรใช้เวลาในการพัฒนาความเชื่อถือ (Trust) การหาข้อมูล หรือทำให้อีกฝ่ายมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะไม่ตัดสินใจผิดพลาดหรือมีความเสี่ยง (บนข้อจำกัดของเวลา) ทำให้อีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่าคุณได้พิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ อย่างรอบคอบเพื่อบรรลุเป้าหมายของพวกเขา ให้การรับประกันแก่พวกเขาว่าจะไม่ตัดสินใจผิดพลาด โดยการยกตัวอย่างกรณีที่ใกล้เคียงกันที่ได้ใช้การตัดสินใจดังกล่าวแล้วประสบผลสำเร็จ และสิ่งที่สำคัญก็คือทักษะการถามและฟังของคุณ เพราะทั้ง Amiable และ Analytical มีพฤติกรรม assertive แบบ Ask ไม่ใช่ Tell
การเพิ่มพฤติกรรมแบบ “TELL” ช่วยให้คุณทำงานร่วมกับ Driver และ Expressive ได้ดีขึ้น คุณต้องเข้าสู่ประเด็นที่สำคัญโดยเร็ว สำหรับข้อมูลสำคัญ แทนที่จะรอให้อีกฝ่ายขอข้อมูล คุณควรเป็นฝ่ายให้ข้อมูลก่อนเสียเอง และเทคนิคการฟังที่สำคัญก็คือการพูดสรุปสิ่งที่เป็นคำแนะนำของอีกฝ่ายกลับไป จะได้ใจอย่างยิ่ง
สุดท้ายเมื่อคุณทำงานร่วมกับ Amiable และ Expressive คุณต้องสามารถพูดอธิบายความรู้สึกของคุณออกมาให้ได้ ต้องสามารถเสริมแรงบวกในเวลาที่อีกฝ่ายแสดงความคิดเห็น คุณต้องเตรียมตัวเตรียมใจในการใช้เวลาเพ่ิมเติมในเรื่องที่พวกเขาสนใจเป็นส่วนตัว และการพูดจาปฏิสันธานในเรื่องทั่ว ๆ ไปในที่พวกเขาสนใจเป็นวิธีที่ช่วยเชื่อมตัวคุณให้เข้ากับพวกเขาได้เป็นอย่างดี
การปรับตัวกระทำได้โดยเริ่มต้นพิจารณาว่าคุณมี Social Style แบบใด แล้วอีกฝ่ายมี Social Style แบบใด แล้วตัดสินใจว่าจะปรับตัวอย่างไร โดยใช้หลักข้อ 1-4 หนึ่งอย่างหรือสองอย่างผสมกัน เช่น คุณเป็น Driver (Tell/Task) ต้องเพ่ิม Ask และ People จึงจะทำงานร่วมกับ Amiable (Ask/People) ได้อย่างราบรื่น หรือ คุณเป็น Driver (Tell, Task) จะปรับตัวกับ Analytical (Ask, Task) คุณก็ต้องเพ่ิม Ask เป็นต้น
ลองนำไปฝึกปฏิบัติดูนะครับ คุณจะไม่มีวันที่จะมีทักษะในการจัดการเรื่องที่ดีขึ้นได้เลยหากขาดการมั่นฝึกฝน อาจจะยุ่งยากในช่วงแรก แต่ถ้าหมั่นฝึกปรือ คุณจะสามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่วขึ้นเองครับ
แม้ว่าเราจะมีสไตล์เฉพาะตัวของใครของมัน ถ้าจะให้แต่ละคนเปลี่ยนสไตล์ตัวเองเพื่อทำงานร่วมกับคนอื่น รับรองว่า เราจะทำได้เพียงประเดี๋ยวประด๋าว แล้วจะกลับเข้าสู่โหมดปกติของเรา แต่สิ่งที่ผมกำลังจะเล่าให้พวกเราฟัง คือ การปรับไม่ใช่การเปลี่ยน ถึงแม้เราเปลี่ยนตัวเราไม่ได้ แต่เราสามารถปรับตัวเราได้ครับ โดยการประยุกต์ใช้หลักการหนึ่งหรือสองอย่างรวมกันดังต่อไปนี้
1. เน้นงานมากขึ้น (More TASK-directed)
2. เน้นคนมากขึ้น (More PEOPLE-directed)
3. เพ่ิมพฤติกรรม ASK (More ASK-directed)
4. เพ่ิมพฤติกรรม TELL (More TELL-directed)
โดยผมจะขอไล่เรียงวิธีการปรับตัวกับคนสี่ประเภททีละคู่ [สำหรับคนที่อยากจะทบทวนหลักพื้นฐานของ Social Styles อีกครั้งหนึ่ง สามารถกลับไปอ่านได้ใน Coaching (15)]
คุณต้องเน้นงานมากขึ้น (TASK) กับเมื่อทำงานกับ Analytical และ Driver โดยการเตรียมตัวให้พร้อม การอ้างอิงสิ่งใดก็ให้เน้นบนข้อเท็จจริง ใช้เวลาของพวกเขาอย่างมีประสิทธิภาพ (ไม่เยิ่นเย่อ ตรงประเด็น) ใช้การตั้งคำถามแทนการบอกออกไปตรง ๆ ยกตัวอย่างเช่น แทนที่คุณจะพูดให้อีกฝ่ายมั่นใจว่า “ทางเลือก ก ดีที่สุด” คู่สนทนาของคุณอาจย้อนถามกลับหาหลักการและเหตุผลหรือข้อมูลสนับสนุน แล้วคุณก็ต้องสาละวนกับการให้ข้อมูลดังกล่าว ให้คุณใช้วิธีการถาม “ทางเลือก X ในความคิดเห็นของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?” หรือ “เราจะลองทางเลือก X ดีไหมครับ?”
ถ้าหากคุณต้องมีปฏิสัมพันธ์กับ Amiable และ Analytical คุณต้องเพ่ิมพฤติกรรมแบบ “ASK” โดยการไม่เร่งรัดอีกฝ่าย คุณควรใช้เวลาในการพัฒนาความเชื่อถือ (Trust) การหาข้อมูล หรือทำให้อีกฝ่ายมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะไม่ตัดสินใจผิดพลาดหรือมีความเสี่ยง (บนข้อจำกัดของเวลา) ทำให้อีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่าคุณได้พิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ อย่างรอบคอบเพื่อบรรลุเป้าหมายของพวกเขา ให้การรับประกันแก่พวกเขาว่าจะไม่ตัดสินใจผิดพลาด โดยการยกตัวอย่างกรณีที่ใกล้เคียงกันที่ได้ใช้การตัดสินใจดังกล่าวแล้วประสบผลสำเร็จ และสิ่งที่สำคัญก็คือทักษะการถามและฟังของคุณ เพราะทั้ง Amiable และ Analytical มีพฤติกรรม assertive แบบ Ask ไม่ใช่ Tell
การเพิ่มพฤติกรรมแบบ “TELL” ช่วยให้คุณทำงานร่วมกับ Driver และ Expressive ได้ดีขึ้น คุณต้องเข้าสู่ประเด็นที่สำคัญโดยเร็ว สำหรับข้อมูลสำคัญ แทนที่จะรอให้อีกฝ่ายขอข้อมูล คุณควรเป็นฝ่ายให้ข้อมูลก่อนเสียเอง และเทคนิคการฟังที่สำคัญก็คือการพูดสรุปสิ่งที่เป็นคำแนะนำของอีกฝ่ายกลับไป จะได้ใจอย่างยิ่ง
สุดท้ายเมื่อคุณทำงานร่วมกับ Amiable และ Expressive คุณต้องสามารถพูดอธิบายความรู้สึกของคุณออกมาให้ได้ ต้องสามารถเสริมแรงบวกในเวลาที่อีกฝ่ายแสดงความคิดเห็น คุณต้องเตรียมตัวเตรียมใจในการใช้เวลาเพ่ิมเติมในเรื่องที่พวกเขาสนใจเป็นส่วนตัว และการพูดจาปฏิสันธานในเรื่องทั่ว ๆ ไปในที่พวกเขาสนใจเป็นวิธีที่ช่วยเชื่อมตัวคุณให้เข้ากับพวกเขาได้เป็นอย่างดี
การปรับตัวกระทำได้โดยเริ่มต้นพิจารณาว่าคุณมี Social Style แบบใด แล้วอีกฝ่ายมี Social Style แบบใด แล้วตัดสินใจว่าจะปรับตัวอย่างไร โดยใช้หลักข้อ 1-4 หนึ่งอย่างหรือสองอย่างผสมกัน เช่น คุณเป็น Driver (Tell/Task) ต้องเพ่ิม Ask และ People จึงจะทำงานร่วมกับ Amiable (Ask/People) ได้อย่างราบรื่น หรือ คุณเป็น Driver (Tell, Task) จะปรับตัวกับ Analytical (Ask, Task) คุณก็ต้องเพ่ิม Ask เป็นต้น
ลองนำไปฝึกปฏิบัติดูนะครับ คุณจะไม่มีวันที่จะมีทักษะในการจัดการเรื่องที่ดีขึ้นได้เลยหากขาดการมั่นฝึกฝน อาจจะยุ่งยากในช่วงแรก แต่ถ้าหมั่นฝึกปรือ คุณจะสามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่วขึ้นเองครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น