The Art of Selling Skills (18): การสร้างแรงบันดาลใจ

ผมมีหลานสามคนที่กำลังอยู่ในวัยเปลี่ยนผ่านจากเด็กมัธยมไปสู่รั้วมหาวิทยาลัย มีหลานคนหนึ่งได้ตั้งคำถามว่า  “จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองได้อย่างไร?” คำถามนี้จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากเขียนบทความนี้นั่นเอง

ขออนุญาตเติมคำถามต่อไปอีกว่า “เมื่อสร้างหรือพบแรงบันดาลใจแล้ว จะทำให้สิ่งนี้คงอยู่กับเราต่อไปได้อย่างไร?” เพราะการรักษาไว้หรือการดำรงอยู่ของแรงบันดาลใจ มันยากยิ่งกว่าการสร้างเสียอีกครับ

ขอตอบคำถามแรกก่อนว่า แรงบันดาลใจนั้นสร้างมาจากความฝันหรือสิ่งที่เราต้องการจะเป็นครับ คนทุกคนต่างมีความฝันของตัวเอง ไม่ว่ายากดีมีจน เป็นความเท่าเทียมกันที่มนุษย์ทุกคนพึงมี จงหาความฝันของตัวเองให้พบ อย่าดูถูกความฝันของตัวเอง หรือ นำไปเปรียบเทียบกับความฝันของคนอื่น จนทำให้รู้สึกว่าความฝันของเราดูต่ำต้อย เหมือนกับคนตัวใหญ่กินข้าวได้มากกว่าคนตัวเล็ก สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ปริมาณข้าวที่รับประทาน แต่เป็นการอิ่มครับ ความฝันไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ที่ทำให้เป็นจริงได้ต่างหากคือความสำคัญ

วิธีสร้างแรงบันดาลใจมีได้หลายวิธีครับ เริ่มต้นจากตัวเองก่อน ให้ลองจินตนาการไปในอนาคตว่า เราอยากให้ตัวเราเองหรือคนสำคัญในชีวิตพูดถึงเราอย่างไร?  คนสำคัญอาจจะเป็นคนในครอบครัว (คู่ชีวิต ลูก พ่อ แม่ พี่น้อง ลุง ป้า น้า อา ฯลฯ) หรือคนรอบตัวเรา (เพื่อนนักเรียน เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนบ้าน ฯลฯ) คนสำคัญอาจรวมถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้วก็ได้ที่เรายังคงระลึกถึงอยู่เสมอ ถ้าเราอยากให้ตัวเราหรือคนสำคัญพูดถึงเราอย่างไรในวันข้างหน้า เราต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ครับ

หลายคนใช้วิธีสร้างแรงบันดาลใจโดยการอ่านหนังสือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังสือที่เกี่ยวกับอัตตชีวประวัติของบุคคลผู้ประสบความสำเร็จ แต่น่าเสียดายอย่างหนึ่งที่หนังสือประเภทน้ีในปัจจุบันมักจะใช้ความสำเร็จในเรื่องวัตถุ เช่น ความร่ำรวยเงินทองเป็นสิ่งดึงดูดผู้อ่าน ทำให้คนรุ่นหลังตีค่าความสำเร็จของคนจากใครมีเงินมากกว่ากัน ความสำเร็จเป็นผลลัพธ์หรือผลที่ตามมาจากการกระทำครับ เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ความสำคัญจึงอยู่ที่การกระทำต่างหาก เช่น เราไม่ควรวัดหรือประเมินนักขายที่ประสบความสำเร็จเพียงเพราะรางวัลหรือผลตอบแทนจากการขายที่พวกเขาได้รับเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเราคงได้แต่นักขายที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาเพื่อเงินโดยไม่สนใจวิธีการ นักขายที่ประสบความสำเร็จควรเป็นนักขายที่คิดถึงลูกค้า จะทำอย่างไรจึงจะแก้ปัญหาของลูกค้าจากผลิตภัณฑ์หรือบริการของเราได้ จะทำอย่างไรจึงจะให้ลูกค้าได้สินค้าและบริการที่ดีที่สุด นักขายที่คิดแบบนี้ จะทำความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ของตัวเองและคู่แข่ง ทำความเข้าใจกับธุรกิจของลูกค้า ค้นหาถึงปัญหาของลูกค้า เพื่อจะแก้ปัญหาให้กับลูกค้า ถ้าทำเช่นนี้ได้ ลูกค้าก็จะพึงพอใจ ยินดีที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา ความสำเร็จในเชิงผลตอบแทนก็จะตามมาเอง เป็นต้น

ในทำนองเดียวกัน เราอาจสร้างแรงบันดาลใจโดยดูจากผู้คนรอบตัวก็ได้ ผมคิดว่าทุกคนคงรู้จักเฉินหลงหรือ Jacky Chan ดี เฉินหลงเกิดในครอบครัวที่ยากจน ตัวเขาเองถูกส่งไปอยู่ในคณะกายกรรมตั้งแต่เด็ก เขาเองเคยติดตามคณะงิ้วมาแสดงที่เยาวราชด้วย คงไม่ต้องกล่าวถึงโอกาสในการศึกษาของเขานะครับ เขาเริ่มแสดงภาพยนต์จากการเป็นนักแสดงคิวบู๊ ตัวประกอบ ก่อนที่เราจะรู้จักในเขาในบทพระเอก นักเขียนบท ผู้กำกับ และนักสร้างภาพยนต์ระดับโลก คุณทราบไหมครับว่าปัจจุบัน เฉินหลงพูดได้กี่ภาษา (จีนกลาง จีนกวางตุ้ง อังกฤษ ญี่ปุ่น เท่าที่ผมทราบ)

สำหรับคนที่ชอบดูหนังฟังเพลง ภาพยนต์หรือเพลงก็เป็นสิ่งที่ใช้สร้างแรงบันดาลใจได้เช่นกัน ผมขอเน้นไปที่หนังทีวีก็แล้วกัน โดยส่วนตัวผมชอบแนะนำคนอื่นให้หาซีรีส์ญี่ปุ่นมาดู (ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น ก็ดู subtitle ไทยได้) ซีรีส์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะสอนให้เราหาความฝันของตัวเองและทุ่มเททำฝันนั้นให้เป็นจริงในรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่างกัน สำหรับผู้แทนยา ถ้าคุณอยากจะรู้จักลูกค้าที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์หรือโรงพยาบาลมากขึ้น ลองไปหาซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Team Medical Dragon (Iryu) หรือ Code Blue (Dr. Heli) มาดูซิครับ สำหรับคนที่ใฝ่หาความสำเร็จในเชิงธุรกิจลองดูซีรีส์เรื่อง Koi ni Ochitara แล้วคุณจะอาจจะได้แรงบันดาลใจในชีวิตการทำงานของคุณก็ได้ สำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จะแก้ปัญหาเด็กตีกันอย่างไร ถ้าคุณได้ชมซีรีส์เรื่อง Roockies คุณอาจจะได้แนวทางของการแก้ปัญหาดังกล่าวก็ได้

แล้วเราจะทำให้ความฝันหรือแรงบันดาลใจนั้นคงอยู่กับเราต่อไปได้อย่างไร?

อุปสรรคที่สำคัญก็คือตัวเราเอง หลายคนมัวแต่ฝันและมีความสุขในความฝันของตัวเอง แต่ไม่ลงมือกระทำเสียที เพียงการมองโลกในแง่ดีเท่านั้นไม่อาจทำให้ความฝันของเราเป็นจริงได้หากไม่ลงมือกระทำ ชีวิตคนเรานั้นไม่ยาวครับ อย่ามัวแต่รี ๆ รอ ๆ อาจจะรู้สึกเสียชาติเกิดก็ได้เมืื่อวาระสุดท้ายในชีวิตมาถึง

นอกจากการลงมือกระทำแล้ว ยังต้องมีความวิริยะอุตสาหะในการกระทำด้วย ขอยกตัวอย่าง นักกีฬาที่แข่งขันเอเชียนเกมส์หรือโอลิมปิกเกมส์ เพื่อที่จะได้เห็นตัวเองยืนบนแท่นรับรางวัล มีเหรียญทองมาคล้องคอ ได้ยินเสียงเพลงชาติของตัวเองพร้อมกับธงชาติถูกชักขึ้นสู่ยอดเสา พวกเขาต้องทุ่มเทอย่างหนักเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 4 ปี ลองคิดดูซิครับ พวกเขาต้องซ้อมหนักแค่ไหน ต้องล้มลุกคลุกคลานมาเท่าใด เสียเหงื่อและน้ำตาไปมากขนาดไหน ท้อได้ครับเพราะเราเป็นมนุษย์ปุธุชน แต่อย่าถอย ใช้เป้าหมายข้างหน้าเป็นแรงผลักดันให้เรากระทำต่อไปเพื่อสานฝันของเราให้เป็นจริง

ขออนุญาตพูดถึงการลงมือทำสักเล็กน้อย ให้เริ่มต้นทำทีละเล็กละน้อย ค่อย ๆ เพิ่มระดับความยากขึ้น กระทำซ้ำ ๆ อย่างสม่ำเสมอจนเกิดเป็นนิสัย มีผู้กล่าวว่าต้องทำติดต่อกันอย่างน้อย 21ครั้งจึงจะสร้างนิสัยได้ นิสัยที่ดีจะสร้างคุณสมบัติที่ดีในตัวของคุณเอง

การจัดลำดับความสำคัญก็มีความสำคัญไม่น้อยเช่นเดียวกัน เพราะคนเรามีแรงบันดาลใจหรือความฝันได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน แต่ต้องรู้หลัก “เร็ว ช้า หนัก เบา” สิ่งใดควรทำก่อนเพราะมีความสำคัญมากกว่า อย่าปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบ ความสนุกสนาน หรือสิ่งที่ไม่สำคัญอยู่เหนือกว่าสิ่งสำคัญที่ควรกระทำก่อน

เมื่อพบความฝ้นหรือแรงบันดาลใจของตัวเองแล้ว อย่าเก็บไว้ในใจครับ ให้เขียนออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ข้อความเหล่านี้ต้องเห็นง่าย สามารถนำมาทบทวนได้เรื่อย ๆ หลายคนอาจจะจดในสมุดโน้ตที่มักพกติดตัว เขียนเป็นข้อความแปะไว้ในห้อง ในหนังญี่ปุ่นก็มักจะเห็นในรูปของข้อความทำเป็นผ้าคาดศีรษะไว้ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นสัญลักษณ์เตือนเราให้มุ่งม่ั่นกับสิ่งเหล่านั้นครับ

อาจจะยาวไปสักนิด แต่หวังว่าบทความนี้จะพอมีประโยชน์กับคนที่กำลังตั้งคำถามกับตัวเองเรื่องแรงบันดาลใจหรือเริ่มสับสนในทิศทางของชีวิต สู้ต่อไปนะครับ เป็นกำลังใจให้กับคนล่าฝันทุกคน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Coaching (11): การเลือกทักษะเป้าหมาย ตอนที่ 3 (SELECT-3)

Coaching (31): Ask for OPINION ตอนที่ 2

The Art of Selling Skills (11): ปัญหาของใคร...คนนั้นแก้เอง???